ในรอบคัดเลือกฟุตบอลยูฟ่า ยูโร 2020 ที่ผ่านมา หัวหอกที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุด คงจะหนีไม่พ้นดาวยิงกัปตันทีมชาติอังกฤษ จากสโมสรท็อทแน่ม ฮอทสเปอร์อย่าง แฮร์รี่ เคนอย่างแน่นอน เมื่อกองหน้าเจ้าของฉายาเดอะ เฮอร์ริเคน โชว์ฟอร์มสุดยอด สร้างสถิติใหม่ของรายการนี้ ด้วยการยิงประตูได้ทุกนัด ในการแข่งขันรอบคัดเลือก เมื่อเขายิงได้ทั้ง 8 นัดในการแย่งตั๋วรอบสุดท้ายกลุ่ม เอ
ถ้าดูจากเพื่อนร่วมกลุ่มของทีมชาติอังกฤษ ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ได้หมูซักเท่าไหร่ ในการแข่งขันรอบคัดเลือกหนนี้ แน่นอนว่าพวกเขาเป็นทีมเต็งประจำกลุ่ม แต่ทีมที่อยู่ร่วมกลุ่มอย่าง สาธารณะรัฐเช็ก, มอนเตเนโกร, บัลแกเรีย, รวมไปถึงทีมน้องใหม่ที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง อย่างโคโซโว ที่สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการทะลุเข้าไปจนถึงรอบเพลย์ ออฟ และยังได้ลุ้นเข้ารอบสุดท้ายอยู่ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีใคร สามารถทำประตูได้ทุกนัด ในการแข่งขันกับพวกเขาเหล่านี้
แฮร์รี่ เคนและพลพรรค สิงโตคำรามอังกฤษ ผ่านเข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ด้วยผลงานชนะ 7 แพ้ 1 โดยแพ้ให้กับสาธารณะรัฐเช็ก 2-1 แต่นัดที่แพ้ก็เป็นแฮร์รี่ เคนอีกนัดแหละที่บวกสกอร์ให้กับทีมได้ รวมทั้งการยิงสองแฮทริกในเกมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ บัลแกเรีย และมอนเตเนโกร ทำให้ดาวยิงกัปตันทีมสงโตคำราม ยิงไปทั้งหมด 12 ประตู จากการแข่งขัน 8 นัด ซึ่งสูงสุดในการแข่งขันรอบคัดเลือกที่ผ่านมา เบียดยอดดาวยิงทีมชาติโปรตเกส อย่างคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ไป 1 ประตู นอกจากจะเป็นการสร้างสถิติยิงได้ทุกนัดแล้ว ยังนับเป็นประตูที่ 32 ของเขาในการรับใช้ชาติ ทำให้เขาก้าวขึ้นไปยึดอันดับ 6 ในทำเนียบดาวยิงสูงสุดทีมชาติอังกฤษ โดยเบียดตำนานดาวยิงอย่าง ฮอตชอต อลัน เชียเรอร์ ตกลงไปเป็นอันดับ 7 แทน พร้อมทั้งเข้าใกล้เป้าหมายต่อไป คือการแซงอันดับที่ 5 ของไมเคิล โอเว่น ที่ ทำไว้ที่ 40 ประตู ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยับแซงขึ้นไปได้ ในอนาคตอันใกล้นี้ หรือแม้กระทั่งสถิติอันดับ 1 ตลอดกาลของเวย์น รูนี่ย์ ที่ 53 ประตู ก็น่าจะไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะอายุของแฮร์รี่ เคน นั้นก็พึ่งจะแค่ 26 ปีเท่านั้นเอง ยังมีโอกาสลงเล่นได้อีกหลายปี
ฟอร์มการเล่นและการสร้างสถิติครั้งนี้ ของแฮร์รี่ เคน มันทำให้บรรดาเหล่าแฟนบอลสิงโตคำราม มีความหวังมากขึ้น ในการที่จะเห็นทีมรักของพวกเขา สามารถประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนท์ระดับชาติเสียที หลังจากที่พวกเขายังไม่เคยสัมผัสถ้วยใบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ และแชมป์รายการเดียวในระดับชาติ ก็ต้องนับย้อนกลับไปถึง แชมป์โลกเมื่อปี 1966 ซึ่งนั่นมันก็ 54 ปีเข้าไปแล้ว สำหรับประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดฟุตบอล ดังนั้นแฟนบอลทีมสิงโตคำรามคงจะคาดหวัง ที่จะเห็นฟอร์มการระเบิดประตู ของกัปตันทีมของพวกเขา ยังคงร้อนแรง อย่างน้อย ๆ ก็จนจบรายการแข่งขัน และพาทีมเข้าป้ายในฐานะแชมป์รายการนี้ได้เสียที