ทีมชาติเบลเยี่ยม กับการสานต่อผลงานอันร้อนแรง

ผลงานในรอบคัดเลือกของบรรดาทีมชาติต่าง ๆ ในเส้นทางการเข้าสู่ยูโร 2020 ในครั้งนี้ ทีมฟอร์มแรงทีมหนึ่งที่ผ่านเข้ารอบมาได้อย่างสวยงาม นั่นคือทีมชาติเบลเยี่ยม ซึ่งนับว่าเป็นการต่อยอด ผลงานสวยหรูของพวกเขา นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่รัสเซีย ทำให้พวกเขาถูกจับตามองอย่างมาก ในการแข่งขันรายการระดับทวีปที่กำลังจะมาถึงนี้

ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รัสเซีย 2018 ที่ผ่านมา ทีมชาติเบลเยี่ยมสร้างผลงานสุดยอด ในฐานะม้ามืดของรายการ เมื่อพวกเขาสามารถ เก็บผลงานชนะรวดในรอบแบ่งกลุ่ม ที่มีทีมร่วมกลุ่มอย่างทีมชาติอังกฤษ ก่อนจะเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่นในรอบ 16 ทีม และสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการ เขี่ยมหาอำนาจลูกหนังอย่างทีม แซมบ้า บราซิลตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนที่จะถูกแชมป์โลกอย่างทีมชาติฝรั่งเศสเบียดเข้าชิงชนะเลิศไปได้ แต่พวกเขาก็ยังแก้ตัวได้ด้วยการ ชนะทีมชาติอังกฤษได้เป็นครั้งที่ 2 ในทัวร์นาเมนท์ คว้าที่ 3 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งถึงแม้จะจบอันดับสาม แต่ถ้าจะดูผลงานจริง ๆ พวกเขาพลาดท่าให้กับทีมแชมป์โลกอย่างฝรั่งเศสเพียงทีมเดียว ในรอบรองชนะเลิศเท่านั้นเอง

หลังความผิดหวังที่ได้เพียงอันดับ 3 จากฟุตบอลโลก พวกเขากลับมาเล่นในการแข่งขันรอบคัดเลือก ยูโร 2020 ในรอบแบ่งกลุ่ม ที่อยู่ร่วมกลุ่มกับ ทีมชาติรัสเซีย และสก็อตแลนด์ ในกลุ่ม ไอ และพวกเขาก็โชว์ฟอร์มสุดโหด เหมือนโกรธใครมา ในรอบคัดเลือก โดยการยิงไม่เลี้ยง เก็บชัยชนะ 10 นัดรวด ยิงเฉลี่ยนัดละ 4 ประตู แถมยังเสียไปแค่ 3 เม็ดเท่านั้นเอง เรียกว่าโหดทั้งเกมรุก แกร่งทั้งเกมรับเลย

พวกเขามีทีมผู้เล่นที่แข็งแกร่งมาก ในเกมรับนายทวารด่านสุดท้าย ติโบ กูร์ตัว ยังคงไว้ใจได้เสมอ ในส่วนของกองหลัง ผู้เล่นจอมแกร่งอย่างแวงซองต์ ก็องปานี, โทบี้ อันเดอร์ไวเรล, โทมัส แฟร์มาเลน และแยน แฟร์ตองเกน ยังอยู่กันครบ ส่วนทางด้านเกมรุกนั้น ตัวสร้างสรรค์เกมระดับโลก อย่างเควิน เดอ บรอยน์ และเอเดน อาซาร์ด ยังคงอันตรายเสมอ เมื่อบวกกับการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ของกองหน้าตัวอันตรายอย่าง โรเมลู ลูกากู ที่กลับมาเป็นดาวยิงตีนระเบิดอีกครั้ง กับทีมงูใหญ่ อินเตอร์มิลาน มันยิ่งเป็นส่วนช่วยให้พวกเขา อันตรายเกินกว่าที่ใครจะมองข้ามไปได้ ในการแข่งขันรายการนี้ โดยในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขา ถูกจับมาอยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับทีมชาติเดนมาร์ค ทีมชาติรัสเซีย ที่พวกเขาชนะมาได้ทั้งเหย้าและเยือนในรอบคัดเลือก และทีมน้องใหม่อย่างทีมชาติฟินแลนด์ จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องลำบากซักเท่าไหร่ สำหรับการผ่านเข้ารอบของพวกเขา หากไม่พลาดกันไปเอง พวกเขาน่าจะเข้าไปสู่รอบลึก ๆ ได้ตามคาด

ด้วยองค์ประกอบของทีมที่พวกเขามี หากว่าพวกเขาสามารถรักษาฟอร์มการเล่นได้ดี เหมือนที่พวกเขาทำมาได้นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก เชื่อว่ายูโรครั้งนี้ อาจจะถึงเวลาก้าวไปสู่จุดสูงสุดของพวกเขา ด้วยการก้าวขึ้นสู่การคว้าแชมป์ในรายการใหญ่ ระดับชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ ของพวกเขาเลยก็เป็นได้

เครดิตภาพ : https://www.sports-nova.com/2020/01/09/belgium-national-football-team-and-the-story-of-their-golden-decade-2010-2019/